Paiking: [Manga] Bleach Ch.525 [TH][ไปคิง]
Wednesday, January 30, 2013
Sunday, January 27, 2013
Friday, January 25, 2013
Wednesday, January 23, 2013
Tuesday, January 22, 2013
StarCraft 2: Heart of the Swarm Opening Cinematic
ทยอยออกมาเรื่อยๆแล้วครับ สำหรับ Heart of the Swarm
Monday, January 21, 2013
Sunday, January 20, 2013
กำเนิด 3 เผ่าพันธุ์แห่ง StarCraft
ด้วยความชื่นชอบเกม Starcraft เป็นทุนเดิม พอดีไปอ่านเจอบทความเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเกมนี้มา ก็เลยก็อปปี้มาแบ่งกันให้อ่านกัน บทความนี้เขียนโดยท่าน IonRa ซึ่งได้ลงบทความนี้ไว้ที่เวบ overclockzone.com
กำเนิด 3 เผ่าพันธุ์แห่ง StarCraft
เขียนโดย IonRa
ที่มา : http://www.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=268310
คำนำ
ทำไมถึงทำประวัติของ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft
การที่กระผมตัดสินใจทำประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft ขึ้นมานั้น แม้ว่าจะเคยมีเว็บหลายๆเว็บ เคยนำเสนอไปก่อนหน้าผมนานแล้ว แต่ผมคิดว่าประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft ที่เว็บอื่นๆเคยนำเสนอไปนั้นมีลักษณะที่ย่อๆสั้นๆเกินไป ซึ่งผมเองอ่านแล้วรู้สึกว่า ยังขาดส่วนสำคัญอีกหลายส่วน และในขณะเดียวกันประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft เวอร์ชั่นเติมของทาง Blizzard เองก็ยาวเอาการพอสมควร และสำนวนในการเขียนที่อ่านแล้วงงในบางจุด ผมจึงตัดสินใจที่จะเขียนประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft ขึ้นมาใหม่ ให้มีลักษณะที่ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไปโดยอิงเนื้อหาหลักตามเวอร์ชั่นเติมของ Blizzard และได้มีการเรียบเรียงใหม่โดยใช้สำนวนที่อ่านง่ายขึ้น(หรืออาจจะยากขึ้นก็ไม่รู้น่ะ อิอิ)
สำหรับประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft ของผม IonRa นี้หากมีส่วนใดที่ไม่สมบูรณ์ ขาดหายไป ผิดพลาดไปกระผมขอต้องอภัยเพื่อนๆไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และขอให้เพื่อนๆช่วยเติมเต็มในส่วนที่กระผมขาดด้วยน่ะครับ ขอขอบคุณครับ
ประวัติความเป็นมาของ TERRAN
การเสื่อมถ่อยของอารยธรรม
ในศตวรรษที่ 21 โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว อันได้แก่ Cybernetic (วิทยาการว่าด้วยการสื่อสารและควบคุมเครื่องจักรและสัตว์) Cloning, Gene-splice ได้มีการนำวิทยาการเหล่านี้มาใช้กับมนุษย์ วิทยาการเหล่านี้ล้วนมีกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลัง แต่ในทางกลับกัน กลับถูกนักต่อสู้เพื่อมนุษยชาติและกลุ่มผู้เคร่งศาสนาต่อต้าน อั่นเนื่องมาจากวิทยาการเหล่านี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อร่างมนุษย์(เกิดการกลายพันธุ์ทั้งทางร่างกาย และทางจิต) นี้จึงเป็นที่มาของสงครามระหว่างฝ่ายบริษัท และฝ่ายมนุษย์ชน ได้มีการใช้ตำรวจปราบปรามผู้ที่อยู่ฝ่ายมนุษย์ชนด้วยวิธีการรุ่นแรงไปทั่วโลก และบิดเบือนสื่อเพื่อไม่ให้ประชาชนส่วนใหญ่รู้ความจริงว่ามีการใช้ความรุนแรง
ระเบียบใหม่
22 พฤศจิกายน ปี 2229 ได้มีการก่อตั้ง UPL (Unit Power Leage) ซึ่งมีลักษณะคล้ายสหประชาชาติในปัจจุบัน UPL เข้ามาควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว มีการบังคับให้ทุกคนเลิกนับถือศาสนา และให้ทั่วโลกใช้ภาษาอังกฤษภาษาเดียวเท่านั้น UPL ได้มีความคิดที่จะกำจัดมนุษย์กลายพันธุ์ มนุษญ์ที่ร่างกายใช้เทคโนโลยีเครื่องกล และมนุษย์ที่มีการใช้ยาที่มีผลกระทบทางจิต ให้หมดไปแบบถอนรากถอนโคน
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่
UPL ได้ทำการเสาะหาพวกมนุษย์กลายพันธุ์ พวกที่ร่างกายใช้เทคโนโลยีเครื่องกล พวกที่มีการใช้ยาที่มีผลกระทบทางจิต และตลอดจนผู้ที่ความคิดแตกต่างจากตน มาประหารทิ้งให้หมด รวมๆแล้วก็ประมาณ 400,000,000 คน หลังจากที่ UPL ได้ทำความชั่วร้ายสุดๆจบลงไปแล้ว ก็ได้ทำการพัฒนาโครงการอวกาสต่อ ในยุคนี้ได้มีเทคโนโลยีทางอวกาศใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ที่โดดเด่นที่สุดก็มี Warp-Drive ที่ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลา 40 ปี UPL ก็มีอาณานิคมของตนอยู่บนดวงจันทร์ และดาวอีกหลายๆดวง
ในระยะเวลานี้ Doran Routh นักวิทยาศาสาตร์หนุ่มที่ต้องการหาดาวดวงใหม่ที่มีแหล่งแร่ธาตุ และเชื่อเพลิงมาเป็นอาณานิคมของโลก เพื่อที่จะสร้างอิทธิผลให้ตัวเอง ใน UPL ขึ้น Doran Routh ได้ทำการคัดเลือกนักโทษที่รอการประหารชีวิต อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่านักโทษของพวก UPL ส่วนใหญ่เป็นพวกกลายพันธุ์ครับ นาย Doran Routh แกก็เหลือกเอาแต่มนุษย์กลายพันธุ์ที่มีรางกายแข่งแรง และทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี แล้วแกได้นักโทษทั้งสิ้น 40,000 คน แบ่งขึ้นยานอวกาศจำนวน 4 ลำ นักโทษทุกคนนอนหลับอยู่ในแคปซูล ยานถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติ เป้าหมายคือ ดาว Gantris VI
ผู้ถูกเนรเทศ และการหลับอันยาวนาน
ยานสี่ลำประกอบด้วย Nagglfer, Argo, Sansengo และ Recigon โดย Nagglfer เป็นยานลำเดียวที่ถูกตั้งโปรแกรมมุ้งหน้าสู่ Gantris VI ส่วนอีก 3 ลำที่เหลือถูกตั้งโปรแกมให้ติดตาม Nagglfer ในระหว่างการเดินไปในอวกาสเครื่องคอมพิวเตอร์ของยาน Nagglfer เกิดผิดปกติไม่มีการส่งขอมูลกลับไปยังโลก และเป้าหมายของมันไม่ใช่ดาว Gantris VI แต่มันมุ่งหน้าไปเลื่อยๆ และอย่างที่บอกไปแล้ว Nagglfer เป็นยานนำทางเพียงลำเดียวส่วนอีก 3 ลำที่เหลื่อคอยติดตาม Nagglfer ดังนั้นเมื่อ Nagglfer เพี้ยนไปลำเดียวลำอื่นๆก็ ผิดผลาดตาม Nagglfer ไปหมด เมือเวลาผ่านไป (....ถ้าบอกว่า 28 ปีท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือเปล่าละนี้) เวลาผ่านไป 28 ปี เครื่องยนต์ของยานเกิดชำรุดยานทั้ง 4 ลำแยกกันตก 4 จุด บนดาวเคราะห์ 3 ดวง
สมาพันธุ์และโลกใหม่
หลังจากการรอนลงของยานทั้ง 4 ลำ เหล่าผู้รอดชีวิตจากการตกของยานได้ต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดบนดาวทั้ง 3 ดวง พวกเขาต้องใช้เวลานานถึง 60 ปีในการที่จะพัฒนาเทคโนโลยีจนกระทั้ง ประชาชนของดาวทั้ง 3 ดวงสามารถเดินทางไปมาหากันได้อีกครั้ง ด้วยยานอวกาศ
ทาง Tarsonic ได้ทำการสำรวจดวงดาวใน Terran Patch ทำให้ทาง Tarsonic ได้ดาวที่อุดมสมบูรณ์ไว้ในครอบครองป็นจำนวณถึง 7 ดวง นี้เป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้ Tarsonic เจริญที่สุดใน 3 โลก และแล้ว Tarsonic ได้ประกาศตั้งชื่อรัฐบาลใหม่ในชื่อ Confederacy
หลังจากตั้งรัฐบาลใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทาง Confederacy ก็ได้ใช้กำลังที่มีอยู่รังแก่เอารัดเอาเปรียบดาวที่มีความเข้มแขงน้อยกว่า Kel และ Moria จึงได้ร่วมมือจัดตั้งกองกำลังขึ้นมาสู้กับ Confederacy จนเกิดสงคราม Guild War ขึ้น สงครามกินระยะเวลานานถึง 4 ปี สงครามจบลงด้วยการที่ Confederacy ได้ขอเจรจาสงบศึก ส่วน Moria ก็รักษาเอกราชไว้ได้ แต่สมาคมเหมืองแร่ทางฝั่ง Moria ส่วนใหญ่หนีไปอยู่กับ Confederacy หมดแล้ว ส่วนทางดาว Umoja กลัวจนไม่กล้าทำอะไร สงคราม Guild War จึงกลายเป็นสงครามที่สร้างความยิ่งให้กับ Confederacy
แต่อย่างไรเสียหากผู้ใช้อำนาจไม่มีความเป็นธรรมย่อมเกิดผู้ต่อต้านขึ้นมา นั้นก็คือ กบฎแห่ง Kahol
กบฎแห่ง Kahol
พวกกบฎแห่ง Kahol ได้สร้างความวุ่นวายต่างๆให้ ฝ่าย Confederacy ทางฝ่าย Confederacy ได้ตอบโต้ด้วยวิธีที่นุ่มนวล แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยอะไร ทาง Confederacy จึงได้ประกาศกฏอัยการศึก แต่ก็ยิ่งเหมือนกับการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง เพราะนั้นทำให้ประชาชนไม่พอใจ Confederacy มากขึ้น และเข้ารวมกับ กลุ่มกบฏแห่ง Kahol มากขึ้น
ทาง Confederacy จึงได้ส่งมือสังหาร (Ghost) ไปสังหาร Angus Mengsk ผู้นำของกบฏแห่ง Kohal ร่วมทั้ง ภรรยา และลูกสาวของเขา หลังจากนั้น Arcturus Mengsk ผู้เป็นบุตรชายของ Angus Mengsk ได้ทราบข่าวที่พ่อเขาถูกสังหาร พร้อมครอบครัว ทำให้ Arcturus ซึ่งขณะนั้นกำลังทำธุระกิจเพื่อหาผลประโยชน์กับ Confederay ได้แยกตัวออกมาเพื่อมาต่อต้าน Cofederacy โดย Arcturus ได้รวบรวมกองกำลังผู้เคยติดตามพ่อขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อต่อสู้อีก ส่วนทางด้าน Confederacy ได้ตัดสินใจด่วนเพื่อแก้ปัญหานี้โดยการส่ง จรวดนิวเครียร์ 1,000 ลูกโจมตีดาว Kahol ทำให้มียอดผู้เสียชีวิต 4,000,000 คน (แต่ตอนนั้น Arcturus อยู่ที่ฐานลับบนดาว Umoja)
การกระทำดังกล่าวสร้างความเจ็บปวดให้แก่หัวใจ ของ Acturus เป็นอย่างยิ่ง เขาจึงได้ตั้งกลุ่ม "บุตรชายแห่ง Kahol" ขึ้นมาแล้วประกาศว่าจะโค้นล้ม Confedercy ให้ได้
แต่แล้วสงครามนี้หาได้มีแต่เพียงมนุษย์ทะเลาะกันเองไม่ แต่มีอีก 2 เผ่าพันธุ์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย..
ประวัติความเป็นมาของ Protoss
เผ่าพันธุ์ Xel' Naga
Xel' Naga มีความหมายว่า "นักเดินทางจากแดนไกล"
Xel' Naga เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการสูง รักความสงบสุข รักสันติ ชอบศึกษา และโฆษณาช่วนเชื่อในเรื่องจิตสำนึก(Sensitive Evolution)
Xel' Naga มีความมุ่งมั่นในการที่จะสร้างเผ่าพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบ Xel' Naga เคยสร้างและอบรมเผ่าพันธุ์ใหม่ๆมาแล้วมากกว่า 1,000 เผ่าพันธุ์ และเคยปกครองดวงดาวในจักรวาลมากกว่าพันดวง แต่เผ่าพันธุ์ต่างๆที่ Xel' Naga ได้สร้างไปแล้วนั้น ยังไม่ทำให้ Xel' Naga พอใจ พวก Xel' Naga ต้องการเผ่าพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์แบบมากกว่านี้
Xel' Naga ได้เดินทางมาถึงดาวที่ชื่อว่า Aiur ซึ่งเป็นดาวที่มีความอุดมสมบรณ์ เขียวขจีปกคลุมไปด้วยป่า และพืชพรรณนานาชนิด พวกเขาได้สร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ของพวกเขาขึ้นที่นี้ ผลงานชิ้นนี้ของพวก Xel' Naga เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง พวกเขาได้เผ่าพันธุ์ที่มีความแข่งแกร่ง รวดเร็ว และปรับตัวได้ดีกับสภาพภมิอากาศต่างๆ เป็นเผ่าพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ Xel' Naga เคยสร้างมาเลยที่เดียวครับ หลังจากที่ Xel' Naga สร้างเผ่าพันธุ์นี้เสร็จพวก Xel' Naga ได้ออกมาจากดาว Aiur มาเฝ้ามองสังเกตุการณ์อยู่ข้างนอกบนยานของพวกเขา ที่มีชื่อว่า World Ship
เวลาผ่านไปเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาที่สร้างขึ้นมันมีการวิวัฒนาการทางอารยธรรม การปกครอง และยังสามารถสื่อสารกันทางกระแสจิตได้ด้วย Xel' Naga พอใจในเผ่าพันธุ์นี้เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจึงตั้งชื่อให้กับเผ่าพันธุ์นี้ว่า "Protoss" แปลว่า ปฐมกำเนิด
แต่ Xel' Naga รู้สึกว่าพวก Protoss มีการพัฒนาที่ช้าไป พวกเขาได้ทำการปรับปรุงลูกหลานของพวก Protoss ให้มีความฉลาดมากขึ้น พวก Protoss จึงเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความรู้ และจิตสำนึกที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 พันปีพวก Protoss จากที่เคยแยกกันอยู่เป็นเผ่าต่างๆ ก็รวมการปกครองทั้งหมดเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว Xel' Naga ผู้เฝ้ามองอยู่จากอวกาศ เห็นว่านี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะลงไปอยู่กับพวก Protoss บนดาว Aiur และใช้โอกาสนี้ในการให้ความรู้แก่พวก Protoss เพื่อที่จะนำพาพวก Protoss สู่ความเจริญสูงสุด
ในระยะแรกที่ Xel' Naga ลงไปอยู่อาศัยกับพวก Protoss พวก Xel' Naga ได้รับการตอนรับอย่างดีจากพวก Protoss ที่กระหายใคร่รู้เรื่องราวต่างๆจากผู้ที่ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ของตนเอง แต่และพวก Protoss ก็เกิดความหวาดระแวงในตัวของ Xel' Naga ขึ้นมา (ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า นิสัยอย่างหนึ่งของเผ่าพันธุ์ Protoss คือ พวกมันขี้ระแวงครับ) และหลังจากนั้นเริ่มมีการปล่อยข่าวต่างๆใส่ร้ายพวก Xel' Naga จนทำให้พวก Protoss ส่วนใหญ่ไม่ไว้ใจในตัวของ Xel' Naga และในที่สุดก็เกิดการประทะกันขึ้น จนพวก Xel' Naga ต้องหนีออกไปจากดาว Aiur
อยู่ๆมาพวก Protoss ก็เลิกส่งกระแสจิตหากันไปเฉยๆ ทำให้ความสัมพันธุ์ของพวก Protoss ที่เคยมีอยู่ซึ่งกันและกันขาดลงไป Xel' Naga คิดว่าเหตุผลอาจะมาจากการเร่งการพัฒนาพวก Protoss เร็วเกินไปจึงทำให้เกิดผลข้างเขียงขึ้น
เมื่อไม่มีการส่งกระแสจิตหากัน พวก Protoss ก็เริ่มฆ่าฟันกันเอง จนกลายเป็นสงครามที่ Protoss สู้รบกันเองครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Protoss ที่ได้เคยจารึกไว้
Xel'Naga ผู้เฝ้าจับตาดู Protoss จากยาน Worlship ที่ลอยลำอยู่นอกดาว Aiur ได้คิดว่าพวก Protoss เป็นผลงานที่ทำให้พวกเขาผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง Xel' Naga จึงได้ล่ะทิ้งพวก Protoss และออกได้เดินทางครั้งใหม่ เพื่อหาดาวดวงใหม่ที่ที่พวกเขาจะสร้างสรรเผ่าพันธุ์ใหม่ที่มีความสมบูรณ์แบบกว่าพวก Protoss
แม้ Xel' Naga จะจากไปแล้ว แต่สงครามของพวก Protoss ก็ยังคงดำเนินต่อไป จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเขา และรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเขาก็ได้ลืมไปแล้วว่าบรรพบุรุตของพวกตนเคยสามารถใช้กระแสจิตในการสื่อสารกันมาก่อน ด้วยเหตุนี้เรื่องราวเกี่ยวการใช้กระจิตจึงได้เลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ของ Protoss เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
Khala (ทางสู่อำนาจ)
Khas นักปราชญ์ชาว Protoss ได้ไปพบ Khaydarin Crytal ซึ่งเป็นเสาหิน (แต่จริงๆ มันทำจากแก้วนะครับ)ที่พวก Xel' Naga ได้ทิ้งไว้ คำจารึกบน Khaydarin Crystal ได้บันทึกวิชาเก่าแก่ และถูกห้ามทดของพวก Xel'Naga รวมถึงความรู้ทางด้านการทดลอง Proto-genetic ด้วย และ Khas ก็ได้ศึกษาความรู้ต่างๆที่ Xel' Naga บรรทึกไว้ ผลที่ได้ก็คือ เขาสามารถนำความสามารทางด้านพลังจิตที่เคยหายไปกลับคืนมาได้ และได้รู้ว่าการที่ความสามารถทางด้านพลังจิตหายไปนั้นแท้จริงแล้วเกิดจากการที่พวก Protoss มีความระแวง หวาดกลัวในสิ่งต่างๆมากๆ นั้นทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวเพื่อรบราฆ่าฟันกันเองมากเกินไป จนทำให้ลืมวิธีในการปรับตัวเพื่อให้สามารถใช้พลังจิตได้ (เป็นเอามากๆพวกนี้)
Khas ได้คิดค้นทฤษฏี Khala ขึ้น ซึ่ง Khala นี้เป็นแนวทางสู่ความเจริญ ทฤษฏี Khala สอนให้พวก Protoss รู้จักการนำความสามารถทางพลังจิตกลับมา และสอนให้พวก Protoss ลดความมีอคติ และลดการต่อสู่ลง
Khas ได้นำ Khala ไปถ่ายทอดให้พวก Protoss ทำให้พวก Protoss เริ่มยอมวางอาวุธ และมาปฏิบัตตามทฤษฏี Khala เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทีละน้อยทีละน้อย จนหมดดาว Aiur และความสงบสุขก็ได้กลับมาเยือนดาว Aiur อีกครั้ง พวก Protoss ได้สำนึกผิดในการกระทำของตนเอง ที่ได้ทำสงครามฆ่าล้างกันจนแทบสิ้นเผ่าพันธุ์ และพวกเขาก็ได้รวมมือกันเพื่อสร้างอนาคตใหม่ เพื่อนำความเจริญรุ่งเรื่องกลับมาสู่เผ่าพันธุ์ของตนเองอีกครั้ง
ผมคิดว่าต่อไปนี้เราคงเรียก Khala ว่า "ทฤษฏี" ไม่ได้เสียแล้วนะครับ เพราะ Khala เข้าไปมีบทบาทในชีวิตความเป็นอยู่ของ Protoss อย่างมาก Khala จึงเป็นได้ทั้งกฎหมาย และศาสนาที่พวก Protoss นับถือครับ ผมขออณุณาติแฟนๆ Starcraft เรียกว่า ศาสนา Khala และ กฏหมาย Khala ก็แล้วกันน่ะครับ
ศาสนา Khala ที่พวก Protoss นับถือกันนั้นมีการแบ่งวรรณะออกเป็น 3 วรรณะครับ
1. วรรณะ Judicator คือ พวกชนชั้นปกครองครับ พวก Judicator ได้รวมกลุ่มกันเป็นคณะปกครองมีชื่อว่า Conclave เพื่อทำหน้าที่ปกครองชาว Protoss ให้อยู่อย่างสงบสุขภายใต้กฎหมาย Khala
2. วรรณะ Templar คือ พวกที่เป็นทั้ง นักบวช นักรบ และนักป้องกัน ที่ปฏิบัติตนตามคำสอนของศนา Khala อย่างเคร่งครัด เพื่อความสำเร็จขั้นสูงสุดของพลัง Psionic
3. วรรณะ Khalai คือ พวกที่ประกอบด้วยกลุ่มสังคม Protoss หลายอาชืพ เช่น นักอุตสหกรรม นักวิทยาศาสตร์ และคนงาน
ทั้ง 3 วรรณะได้ช่วยพัฒนาดาว Aiur ให้มีทั้งความสงบสุข และเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าครั้งบรรพบรุษ ภายในระยะเวลาเพียง 2 - 3 ร้อยปี Protoss สามารถยึดครองดวงดาวในขอบกาแล็กซี่ของพวกเขาได้เป็นจำนวนหลายร้อยดวง และได้เผยแพร่ คำสอนของศาสนา Khala ด้วย และยังมีดวงดาวอีกหลายๆดวงที่พวกเขาสามารถที่จะยึดครองได้แต่พวกเลือกที่จะเป็นผู้เฝ้ามองดูอยู่เฉย และยังสร้างยาน Dae' Unl เพื่อทำการสังเกตุการณ์ ระวังป้องกันให้ดวงดาวเหล่านั้นด้วยโดยที่เผ่าพันธุ์เจ้าของดาวเองก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกจ้องมองจากพวก Protoss อยู่ เช่น พวก Terran เป็นต้น โดยสำหรับ พวก Terran นี้พวก Protoss ลงความเห็นกันว่าเป็นเผ่าพันธุ์ใช้ทรัพยากรได้เปลืองที่สุด เท่าที่พวกเขาเคยพบมาเลยทีเดียว แบบประมาณว่ามีทรัพยกรเท่าไร ไอ้มนุษย์พวกนี้ก็สามารถพลาญใช้ได้จนหมด
Dark Templar
ในความเป็นจริงภายใต้กฎหมาย และศาสนาแห่ง Khala ที่แสนมีระเบียบเรียบร้อย คณะปกครอง Conclave ที่นำโดยพวกวรรณะ Judicator แห่ง Aiur ได้ปิดบังความลับต่อประชาชนของพวกเขา นั้นก็กลุ่มผู้ต่อต้านศาสนา Khala โดยกลุ่มนี้มีชื่อว่า Rogues พวก Rogues มีความเชื่อว่า Khala จะนำผลเสียมาสู่เผ่าพันธุ์ Protoss ในภายหลัง พวก Judicator จึงสั่งการอย่างเป็นความลับให้ยอดนักรบนามว่า Adun ไปจัดการกับพวก Rogues แต่ยอดนักรบ Adun ผู้นี้มิได้มีความคิดที่จะฆ่าพวกเดียวกันเอง เขาพยายามโน้มน้าวจิตใจของพวก Rogues ด้วยการถ่ายทอดการใช้พลัง Psionic ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Khala เพื่อหวังว่าพวก Rogues จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของ Khala และเปลี่ยนความคิดมาเป็นพวกเดียวกัน แต่ผลที่ได้ก็คือ พวก Rogues ก็ยังคงปฏิเสธ Khala อยู่เหมือนเดิม Adun จึงตัดสินใจที่จะซ่อนพวก Rogues ให้พ้นจากสายตาของ Conclave แทน เมื่อเวลาผ่านไปเรื่องที่ Adun ไม่ได้ทำการกำจัดพวก Rogues แถมยังให้ที่หลบซ่อนก็แดงออกมา ทำให้ Conclave โกรธมากแต่จะลงโทษ Adun ก็ไม่ได้เพราะ Adun นักรบที่มีชื่อเสียง หากทาง Conclave ลงโทษ Adun ไป ประชาชนชาว Protoss จะต้องสงสัยว่า Adun ทำผิดอะไรจึงโดนลงโทษ และเรื่องราวของพวก Rogues จะต้องรู้ไปถึงหูประชาชนชาว Protoss และอาจจะมีคนเห็นด้วยกับแนวทางความคิดของพวก Rogues ทาง Conclave จึงไม่ได้มีการลงโทษ Adun และมีคำสั่งลับให้กำจัดพวก Rogues ออกไป โดยนำพวก Rogues ไปขึ้นยานโบราณของ Xel' Naga แล้วทำการเนรเทศพวก Rogues ออกไปจาก Aiur ในเวลาต่อมาพวก Rogue เป็นที่รู้จัก และกล่าวถึงจากบุคคลทั่วไปในนามของ Dark Templar แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกชนชั้น Judicator และพวก Dark Templar (พวก Rogues) จะมีความคิดที่แตกต่างกัน แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนนั้นก็คือ การปกป้อง Aiur ดาวบ้านเกิดของพวกเขา หากมีศัตรูจากภายนอกเข้ามาเพื่อจะทำร้าย Aiur ไม่ว่าพวมันจะเป็นใครมาจากไหน ชาว Protoss ทุกคนยินดีที่จะยุติความขัดแย่งทางด้านความคิด และจะช่วยกันปกป้องดาวบ้านเกิดของตนจนถึงที่สุด
ผมขอจบเรื่องราวของเผ่า Protoss แต่เพียงลงเท่านี้ครับ
ประวัติความเป็นมาของ Zerg
หลังจากที่พวก Xel' Naga ได้ผิดวังกับ Protoss แล้วพวก Xel' Naga ได้เดินทางไปยังดาว Zerus พวก Xel' Naga มุ่งที่จะแก้ไขความล้มเหลวของตนเองที่ทำไว้ โดยการสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ พวกเขาได้สร้างเผ่าพันธุ์แมลงที่มีชื่อว่า Zerg พวก Zerg มันสามารถทนอยู่บนสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งกันดาน และร้อนระอุบนดาว Zerus ได้
ในเวลาต่อมาพวก Zerg ได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในเผ่าพันธุ์พื้นเมืองที่อยู่บนดาว Zerus เมื่อพวก Zerg เข้าไปอาศัยอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นแล้ว มันสามารถควบคุมร่างกายของเผ่าพันธุ์ที่พวกมันเขาไปอยู่ได้ และพวกมันยังสามารถวิวัฒนาการร่างกายเหล่านั้นได้ด้วยเช่น วิวัฒนาการสร้างเกราะจากกระดูกสันหลัง แขนขาที่คมเหมือนใบมีดโกน และกระดองที่แข่งแกร่ง พวก Zerg จะทำการคัดเลือกเผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุดก่อนที่พวกมันจะเข้าไปอยู่ เพราะพวกมันต้องการความแน่ใจว่าพวกมันจะอยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร ส่วนเผ่าพันธุ์มีวิวัฒนาการต่ำกว่า พวก Zerg ก็ทำการกำจัดทิ้ง หรือกินเป็นอาหาร
Xel' Naga ผู้เฝ้ามองพวก Zerg จากบนยาน World Ship ที่ลอยอยู่ในอาวกาศ จำได้ดีถึงความล้มเหลวที่เขาที่เคยลงไปให้ความรู้กับพวก Protoss ในเวลาที่พวก Protoss ยังไม่พร้อม และเป็นเหตุที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างพวก Protoss ขึ้น พวกเขาจึงใช้วิธีการใหม่ โดยการสร้างสิ่งที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมจิตใจ และการกระทำต่างๆของพวก Zerg สิ่งเหล่านี้ประกอบด้วย
Overmind คือ ศูนย์กลางในการควบคุมจิตใจ และการกระทำต่างๆของพวก Zerg ทั้งหมดทุกตัว Cerebrate คือ ผู้ที่รับคำสั่งจาก Overmind มาควบคุมพวก Zerg ที่อยู่ในกองทัพที่ Cerebrate แต่ตัวสร้างขึ้นมาเอง (Cerebrate แต่ละตัวจะมีกองกำลัง Zerg ในสังกัดของตนเอง) และนอกจากนี้ Cerebrate ยังสามารถที่จะมีอิสระในการควบคุม Zerg ที่อยู่ในสังกัดของตนเองได้ แต่ต้องไม่มีการขัดแย้งกับคำสังของ Overmind (Overmind ควบคุม Zerg ได้ทั้งหมดทุกตัว) Overlords จะทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งจาก Cerebrate ไปยังพวก Zerg กลุ่มย่อยอีกที โดยที่ Overlords ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของ Cerebrateได้ การสั่งการผ่านกระแสจิตจากศูนย์กลางเช่นนี้ทำให้กองทัพของ Zerg มีความพร้อมเพรียงกัน และมีประสิทธิภาพอย่างหน้ากลัวยิ่งนัก
Overmind มีความคิดว่าอีกไม่นานตนเองก็จะสามารถเขายึดร่างของเผ่าพันธุ์ต่างๆที่อยู่ดาว Zerus ได้หมด Overmind ต้องการที่จะขยายเฝ่าพันธุ์ของตนออกไปนอกดาวดวงแห่งนี้ ในเวลานั้นบนอวกาศได้มีเผ่าพันธุ์หนึ่งที่มีขนาดตัวใหญ่มาก และเผ่าพันธุ์นี้มีความสามารถใช้ร่างของตนเป็นยานอวกาศเดินทางไปมาในอวกาศได้ Overmind จึงได้ใช้แผนลวงแกล้งส่งสัญญาณเรียกเฝ่าพันธุ์นี้เขามาในดาว Zerus และออกคำสั่งให้พวก Zerg เข้ายึดร่างของเผ่าพันธุ์นี้ หลังจากนั้น Overmind ได้นำข้อมูลทางพันธุกรรมที่ได้มาปรับปรุงเผ่าพันธุ์ของตนให้สามารถเดินทางในอวกาศ และสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในที่ที่เป็นสูญกาศได้
ในเวลาต่อมากระแสจิตของ Overmind ได้รับรู้ถึงว่ามีพวก Xel' Naga เฝ้ามองตนเองอยู่ในอวกาศ Overmind ได้ออกคำสั่งให้พวก Zerg โจมตี Xel' Naga อย่างสายฟ้าแลบ และ Overmind ได้ใช้พลังจิตอันมหาศาลของมันตัดการสื่อสารทางกระแสจิตของ Xel' Naga ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จนพวก Xel' Naga ไม่มีโอกาศที่จะตอบโต้ ตั้งรับ หรือ แม้แต่กระทั้งจะคิดหนี ภายใน 2 - 3 ชั่วโมงพวก Zerg ได้ฉีกเกราะอันแข่งแกร่งของยาน World Ship ออกเป็นชิ้นๆ และบุกเข้ามาฆ่าล้างพวก Xel' Naga อย่างไร้ซึ่งความปราณี Xel' Naga บางตัวที่ถูกพวก Zerg ยึดร่างก็โดน Overmind อ่านใจ เมื่อ Overmind ได้เข้าไปในความทรงจำของ Xel' Naga มันได้รับรู้เรื่องราว และองค์ความรู้ต่างๆที่พวก Xel' Naga มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Khaydarin Crystal, Proto-genetic, เรื่องราวของดวงดาวนับพันที่ Xel' Naga เคยปกครอง, เผ่าพันธุ์นับพันที่ Xel' Naga เคยสร้างขึ้น และ เรื่องราวเกี่ยวกับ Protoss
Overmind คิดไปไกลว่าพวก Protoss ต้องเป็นศัตรูที่หน้ากลัวของ Zerg แน่ๆ และสงครามระหว่าง Zerg และ Protoss ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี Overmind จึงนำพาพวก Zerg เดินทางไปกำจัดพวก Protoss ที่ Aiur ระหว่างการเดินพวก Zerg ได้แวะยึดร่างของเผ่าพันธุ์ที่อยู่ตามดวงดาวต่างๆที่อยู่ในเส้นทางการเดินทางของพวกมัน ดาวดวงไหนที่พวกมันผ่านไปดาวดวงนั้นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลืออยู่เลย นี้คือสาเหตุที่ทำให้พวก Zerg มีกองกำลังมากขึ้นมากขึ้น และแข็งแกล่งมากขึ้นในระหว่างการเดินทาง
ใช้เวลาในการเดินไป 60 ปีในที่สุด Overmind ก็มาถึงบริเวณกลุ่มดาวที่เป็นอาณาจักรของพวก Terran ซึ่งอยู่ภายใต้กาแล็กซี่ที่พวก Protoss ครอบครอง และเฝ้ามองอีกทีหนึ่ง เนื่องจาก Overmind ยังไม่รู้ที่ตั้งที่แน่ชัดของ Aiur ทาง Overmind จึงใช้แผนล่อ Protoss ออกจากถ้ำ โดยส่งกองกำลัง Zerg บุกดาวของพวก Terran อันได้แก่ดาว Chau Sara, Mar Sara, Brontes และ Dylar IV แผนนี้ได้ผลอย่างดียิ่ง กองกำลัง Zerg เข้าประทะกับ Terran จนเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก และเนื่องจากดาวเหล่านี้อยู่ภายใต้การเฝ้ามองของ Protoss พวก Protoss จึงส่งกำลังรบออกมาต่อสู่ขัดขวางการโจมตีของพวก Zerg และ ณ บัดนี้สงคราม 3 เผ่าพันธุ์ หรือ StarCraft ได้ระเบิดขึ้นแล้ว
หลังอ่านจบแล้ว ก็คิดได้ว่ามันน่าเอาเนื้อเรื่องนี้มาทำเป็นหนังจริงๆ จะต้องสนุกกว่าAvatarแน่ๆ ยิ่งหากเอาเนื้อเรื่องจาก Starcraft , Starcraft Bloodwar , Starcraft2 อีก3ภาคมาด้วยนะ รับรองว่าทำเป็น5-6ภาคได้เลย แข่งกับ Star Wars ได้สบาย
กำเนิด 3 เผ่าพันธุ์แห่ง StarCraft
เขียนโดย IonRa
ที่มา : http://www.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=268310
คำนำ
ทำไมถึงทำประวัติของ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft
การที่กระผมตัดสินใจทำประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft ขึ้นมานั้น แม้ว่าจะเคยมีเว็บหลายๆเว็บ เคยนำเสนอไปก่อนหน้าผมนานแล้ว แต่ผมคิดว่าประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft ที่เว็บอื่นๆเคยนำเสนอไปนั้นมีลักษณะที่ย่อๆสั้นๆเกินไป ซึ่งผมเองอ่านแล้วรู้สึกว่า ยังขาดส่วนสำคัญอีกหลายส่วน และในขณะเดียวกันประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft เวอร์ชั่นเติมของทาง Blizzard เองก็ยาวเอาการพอสมควร และสำนวนในการเขียนที่อ่านแล้วงงในบางจุด ผมจึงตัดสินใจที่จะเขียนประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft ขึ้นมาใหม่ ให้มีลักษณะที่ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไปโดยอิงเนื้อหาหลักตามเวอร์ชั่นเติมของ Blizzard และได้มีการเรียบเรียงใหม่โดยใช้สำนวนที่อ่านง่ายขึ้น(หรืออาจจะยากขึ้นก็ไม่รู้น่ะ อิอิ)
สำหรับประวัติ 3 เผ่าพันธุ์แห่ง Starcraft ของผม IonRa นี้หากมีส่วนใดที่ไม่สมบูรณ์ ขาดหายไป ผิดพลาดไปกระผมขอต้องอภัยเพื่อนๆไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และขอให้เพื่อนๆช่วยเติมเต็มในส่วนที่กระผมขาดด้วยน่ะครับ ขอขอบคุณครับ
ประวัติความเป็นมาของ TERRAN
การเสื่อมถ่อยของอารยธรรม
ในศตวรรษที่ 21 โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย ได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆขึ้นมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว อันได้แก่ Cybernetic (วิทยาการว่าด้วยการสื่อสารและควบคุมเครื่องจักรและสัตว์) Cloning, Gene-splice ได้มีการนำวิทยาการเหล่านี้มาใช้กับมนุษย์ วิทยาการเหล่านี้ล้วนมีกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลัง แต่ในทางกลับกัน กลับถูกนักต่อสู้เพื่อมนุษยชาติและกลุ่มผู้เคร่งศาสนาต่อต้าน อั่นเนื่องมาจากวิทยาการเหล่านี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อร่างมนุษย์(เกิดการกลายพันธุ์ทั้งทางร่างกาย และทางจิต) นี้จึงเป็นที่มาของสงครามระหว่างฝ่ายบริษัท และฝ่ายมนุษย์ชน ได้มีการใช้ตำรวจปราบปรามผู้ที่อยู่ฝ่ายมนุษย์ชนด้วยวิธีการรุ่นแรงไปทั่วโลก และบิดเบือนสื่อเพื่อไม่ให้ประชาชนส่วนใหญ่รู้ความจริงว่ามีการใช้ความรุนแรง
ระเบียบใหม่
22 พฤศจิกายน ปี 2229 ได้มีการก่อตั้ง UPL (Unit Power Leage) ซึ่งมีลักษณะคล้ายสหประชาชาติในปัจจุบัน UPL เข้ามาควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว มีการบังคับให้ทุกคนเลิกนับถือศาสนา และให้ทั่วโลกใช้ภาษาอังกฤษภาษาเดียวเท่านั้น UPL ได้มีความคิดที่จะกำจัดมนุษย์กลายพันธุ์ มนุษญ์ที่ร่างกายใช้เทคโนโลยีเครื่องกล และมนุษย์ที่มีการใช้ยาที่มีผลกระทบทางจิต ให้หมดไปแบบถอนรากถอนโคน
การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่
UPL ได้ทำการเสาะหาพวกมนุษย์กลายพันธุ์ พวกที่ร่างกายใช้เทคโนโลยีเครื่องกล พวกที่มีการใช้ยาที่มีผลกระทบทางจิต และตลอดจนผู้ที่ความคิดแตกต่างจากตน มาประหารทิ้งให้หมด รวมๆแล้วก็ประมาณ 400,000,000 คน หลังจากที่ UPL ได้ทำความชั่วร้ายสุดๆจบลงไปแล้ว ก็ได้ทำการพัฒนาโครงการอวกาสต่อ ในยุคนี้ได้มีเทคโนโลยีทางอวกาศใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ที่โดดเด่นที่สุดก็มี Warp-Drive ที่ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลา 40 ปี UPL ก็มีอาณานิคมของตนอยู่บนดวงจันทร์ และดาวอีกหลายๆดวง
ในระยะเวลานี้ Doran Routh นักวิทยาศาสาตร์หนุ่มที่ต้องการหาดาวดวงใหม่ที่มีแหล่งแร่ธาตุ และเชื่อเพลิงมาเป็นอาณานิคมของโลก เพื่อที่จะสร้างอิทธิผลให้ตัวเอง ใน UPL ขึ้น Doran Routh ได้ทำการคัดเลือกนักโทษที่รอการประหารชีวิต อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่านักโทษของพวก UPL ส่วนใหญ่เป็นพวกกลายพันธุ์ครับ นาย Doran Routh แกก็เหลือกเอาแต่มนุษย์กลายพันธุ์ที่มีรางกายแข่งแรง และทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆได้ดี แล้วแกได้นักโทษทั้งสิ้น 40,000 คน แบ่งขึ้นยานอวกาศจำนวน 4 ลำ นักโทษทุกคนนอนหลับอยู่ในแคปซูล ยานถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติ เป้าหมายคือ ดาว Gantris VI
ผู้ถูกเนรเทศ และการหลับอันยาวนาน
ยานสี่ลำประกอบด้วย Nagglfer, Argo, Sansengo และ Recigon โดย Nagglfer เป็นยานลำเดียวที่ถูกตั้งโปรแกรมมุ้งหน้าสู่ Gantris VI ส่วนอีก 3 ลำที่เหลือถูกตั้งโปรแกมให้ติดตาม Nagglfer ในระหว่างการเดินไปในอวกาสเครื่องคอมพิวเตอร์ของยาน Nagglfer เกิดผิดปกติไม่มีการส่งขอมูลกลับไปยังโลก และเป้าหมายของมันไม่ใช่ดาว Gantris VI แต่มันมุ่งหน้าไปเลื่อยๆ และอย่างที่บอกไปแล้ว Nagglfer เป็นยานนำทางเพียงลำเดียวส่วนอีก 3 ลำที่เหลื่อคอยติดตาม Nagglfer ดังนั้นเมื่อ Nagglfer เพี้ยนไปลำเดียวลำอื่นๆก็ ผิดผลาดตาม Nagglfer ไปหมด เมือเวลาผ่านไป (....ถ้าบอกว่า 28 ปีท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือเปล่าละนี้) เวลาผ่านไป 28 ปี เครื่องยนต์ของยานเกิดชำรุดยานทั้ง 4 ลำแยกกันตก 4 จุด บนดาวเคราะห์ 3 ดวง
- ยาน Recigon และยาน Sansengo ตกที่ดาวที่มีชื่อว่า Umoja (Recigon ทำการลงจอดผิดผลาดมีผู้เสียชีวิต 8,000 คน)
- ยาน Argo ตกลงที่ดาวเคราะห์สีแดงชื่อ Maria
- ยาน Nagglfar ตกลงที่ดาว Tarsonic
สมาพันธุ์และโลกใหม่
หลังจากการรอนลงของยานทั้ง 4 ลำ เหล่าผู้รอดชีวิตจากการตกของยานได้ต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดบนดาวทั้ง 3 ดวง พวกเขาต้องใช้เวลานานถึง 60 ปีในการที่จะพัฒนาเทคโนโลยีจนกระทั้ง ประชาชนของดาวทั้ง 3 ดวงสามารถเดินทางไปมาหากันได้อีกครั้ง ด้วยยานอวกาศ
ทาง Tarsonic ได้ทำการสำรวจดวงดาวใน Terran Patch ทำให้ทาง Tarsonic ได้ดาวที่อุดมสมบูรณ์ไว้ในครอบครองป็นจำนวณถึง 7 ดวง นี้เป็นปัจจัยที่ช่วยทำให้ Tarsonic เจริญที่สุดใน 3 โลก และแล้ว Tarsonic ได้ประกาศตั้งชื่อรัฐบาลใหม่ในชื่อ Confederacy
หลังจากตั้งรัฐบาลใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทาง Confederacy ก็ได้ใช้กำลังที่มีอยู่รังแก่เอารัดเอาเปรียบดาวที่มีความเข้มแขงน้อยกว่า Kel และ Moria จึงได้ร่วมมือจัดตั้งกองกำลังขึ้นมาสู้กับ Confederacy จนเกิดสงคราม Guild War ขึ้น สงครามกินระยะเวลานานถึง 4 ปี สงครามจบลงด้วยการที่ Confederacy ได้ขอเจรจาสงบศึก ส่วน Moria ก็รักษาเอกราชไว้ได้ แต่สมาคมเหมืองแร่ทางฝั่ง Moria ส่วนใหญ่หนีไปอยู่กับ Confederacy หมดแล้ว ส่วนทางดาว Umoja กลัวจนไม่กล้าทำอะไร สงคราม Guild War จึงกลายเป็นสงครามที่สร้างความยิ่งให้กับ Confederacy
แต่อย่างไรเสียหากผู้ใช้อำนาจไม่มีความเป็นธรรมย่อมเกิดผู้ต่อต้านขึ้นมา นั้นก็คือ กบฎแห่ง Kahol
กบฎแห่ง Kahol
พวกกบฎแห่ง Kahol ได้สร้างความวุ่นวายต่างๆให้ ฝ่าย Confederacy ทางฝ่าย Confederacy ได้ตอบโต้ด้วยวิธีที่นุ่มนวล แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยอะไร ทาง Confederacy จึงได้ประกาศกฏอัยการศึก แต่ก็ยิ่งเหมือนกับการราดน้ำมันลงบนกองเพลิง เพราะนั้นทำให้ประชาชนไม่พอใจ Confederacy มากขึ้น และเข้ารวมกับ กลุ่มกบฏแห่ง Kahol มากขึ้น
ทาง Confederacy จึงได้ส่งมือสังหาร (Ghost) ไปสังหาร Angus Mengsk ผู้นำของกบฏแห่ง Kohal ร่วมทั้ง ภรรยา และลูกสาวของเขา หลังจากนั้น Arcturus Mengsk ผู้เป็นบุตรชายของ Angus Mengsk ได้ทราบข่าวที่พ่อเขาถูกสังหาร พร้อมครอบครัว ทำให้ Arcturus ซึ่งขณะนั้นกำลังทำธุระกิจเพื่อหาผลประโยชน์กับ Confederay ได้แยกตัวออกมาเพื่อมาต่อต้าน Cofederacy โดย Arcturus ได้รวบรวมกองกำลังผู้เคยติดตามพ่อขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อต่อสู้อีก ส่วนทางด้าน Confederacy ได้ตัดสินใจด่วนเพื่อแก้ปัญหานี้โดยการส่ง จรวดนิวเครียร์ 1,000 ลูกโจมตีดาว Kahol ทำให้มียอดผู้เสียชีวิต 4,000,000 คน (แต่ตอนนั้น Arcturus อยู่ที่ฐานลับบนดาว Umoja)
การกระทำดังกล่าวสร้างความเจ็บปวดให้แก่หัวใจ ของ Acturus เป็นอย่างยิ่ง เขาจึงได้ตั้งกลุ่ม "บุตรชายแห่ง Kahol" ขึ้นมาแล้วประกาศว่าจะโค้นล้ม Confedercy ให้ได้
แต่แล้วสงครามนี้หาได้มีแต่เพียงมนุษย์ทะเลาะกันเองไม่ แต่มีอีก 2 เผ่าพันธุ์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย..
ประวัติความเป็นมาของ Protoss
เผ่าพันธุ์ Xel' Naga
Xel' Naga มีความหมายว่า "นักเดินทางจากแดนไกล"
Xel' Naga เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการสูง รักความสงบสุข รักสันติ ชอบศึกษา และโฆษณาช่วนเชื่อในเรื่องจิตสำนึก(Sensitive Evolution)
Xel' Naga มีความมุ่งมั่นในการที่จะสร้างเผ่าพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบ Xel' Naga เคยสร้างและอบรมเผ่าพันธุ์ใหม่ๆมาแล้วมากกว่า 1,000 เผ่าพันธุ์ และเคยปกครองดวงดาวในจักรวาลมากกว่าพันดวง แต่เผ่าพันธุ์ต่างๆที่ Xel' Naga ได้สร้างไปแล้วนั้น ยังไม่ทำให้ Xel' Naga พอใจ พวก Xel' Naga ต้องการเผ่าพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์แบบมากกว่านี้
Xel' Naga ได้เดินทางมาถึงดาวที่ชื่อว่า Aiur ซึ่งเป็นดาวที่มีความอุดมสมบรณ์ เขียวขจีปกคลุมไปด้วยป่า และพืชพรรณนานาชนิด พวกเขาได้สร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ของพวกเขาขึ้นที่นี้ ผลงานชิ้นนี้ของพวก Xel' Naga เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง พวกเขาได้เผ่าพันธุ์ที่มีความแข่งแกร่ง รวดเร็ว และปรับตัวได้ดีกับสภาพภมิอากาศต่างๆ เป็นเผ่าพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ Xel' Naga เคยสร้างมาเลยที่เดียวครับ หลังจากที่ Xel' Naga สร้างเผ่าพันธุ์นี้เสร็จพวก Xel' Naga ได้ออกมาจากดาว Aiur มาเฝ้ามองสังเกตุการณ์อยู่ข้างนอกบนยานของพวกเขา ที่มีชื่อว่า World Ship
เวลาผ่านไปเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาที่สร้างขึ้นมันมีการวิวัฒนาการทางอารยธรรม การปกครอง และยังสามารถสื่อสารกันทางกระแสจิตได้ด้วย Xel' Naga พอใจในเผ่าพันธุ์นี้เป็นอย่างยิ่ง พวกเขาจึงตั้งชื่อให้กับเผ่าพันธุ์นี้ว่า "Protoss" แปลว่า ปฐมกำเนิด
แต่ Xel' Naga รู้สึกว่าพวก Protoss มีการพัฒนาที่ช้าไป พวกเขาได้ทำการปรับปรุงลูกหลานของพวก Protoss ให้มีความฉลาดมากขึ้น พวก Protoss จึงเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความรู้ และจิตสำนึกที่สมบูรณ์แบบ
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 พันปีพวก Protoss จากที่เคยแยกกันอยู่เป็นเผ่าต่างๆ ก็รวมการปกครองทั้งหมดเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว Xel' Naga ผู้เฝ้ามองอยู่จากอวกาศ เห็นว่านี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะลงไปอยู่กับพวก Protoss บนดาว Aiur และใช้โอกาสนี้ในการให้ความรู้แก่พวก Protoss เพื่อที่จะนำพาพวก Protoss สู่ความเจริญสูงสุด
ในระยะแรกที่ Xel' Naga ลงไปอยู่อาศัยกับพวก Protoss พวก Xel' Naga ได้รับการตอนรับอย่างดีจากพวก Protoss ที่กระหายใคร่รู้เรื่องราวต่างๆจากผู้ที่ให้กำเนิดเผ่าพันธุ์ของตนเอง แต่และพวก Protoss ก็เกิดความหวาดระแวงในตัวของ Xel' Naga ขึ้นมา (ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า นิสัยอย่างหนึ่งของเผ่าพันธุ์ Protoss คือ พวกมันขี้ระแวงครับ) และหลังจากนั้นเริ่มมีการปล่อยข่าวต่างๆใส่ร้ายพวก Xel' Naga จนทำให้พวก Protoss ส่วนใหญ่ไม่ไว้ใจในตัวของ Xel' Naga และในที่สุดก็เกิดการประทะกันขึ้น จนพวก Xel' Naga ต้องหนีออกไปจากดาว Aiur
อยู่ๆมาพวก Protoss ก็เลิกส่งกระแสจิตหากันไปเฉยๆ ทำให้ความสัมพันธุ์ของพวก Protoss ที่เคยมีอยู่ซึ่งกันและกันขาดลงไป Xel' Naga คิดว่าเหตุผลอาจะมาจากการเร่งการพัฒนาพวก Protoss เร็วเกินไปจึงทำให้เกิดผลข้างเขียงขึ้น
เมื่อไม่มีการส่งกระแสจิตหากัน พวก Protoss ก็เริ่มฆ่าฟันกันเอง จนกลายเป็นสงครามที่ Protoss สู้รบกันเองครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Protoss ที่ได้เคยจารึกไว้
Xel'Naga ผู้เฝ้าจับตาดู Protoss จากยาน Worlship ที่ลอยลำอยู่นอกดาว Aiur ได้คิดว่าพวก Protoss เป็นผลงานที่ทำให้พวกเขาผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง Xel' Naga จึงได้ล่ะทิ้งพวก Protoss และออกได้เดินทางครั้งใหม่ เพื่อหาดาวดวงใหม่ที่ที่พวกเขาจะสร้างสรรเผ่าพันธุ์ใหม่ที่มีความสมบูรณ์แบบกว่าพวก Protoss
แม้ Xel' Naga จะจากไปแล้ว แต่สงครามของพวก Protoss ก็ยังคงดำเนินต่อไป จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเขา และรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเขาก็ได้ลืมไปแล้วว่าบรรพบุรุตของพวกตนเคยสามารถใช้กระแสจิตในการสื่อสารกันมาก่อน ด้วยเหตุนี้เรื่องราวเกี่ยวการใช้กระจิตจึงได้เลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ของ Protoss เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง
Khala (ทางสู่อำนาจ)
Khas นักปราชญ์ชาว Protoss ได้ไปพบ Khaydarin Crytal ซึ่งเป็นเสาหิน (แต่จริงๆ มันทำจากแก้วนะครับ)ที่พวก Xel' Naga ได้ทิ้งไว้ คำจารึกบน Khaydarin Crystal ได้บันทึกวิชาเก่าแก่ และถูกห้ามทดของพวก Xel'Naga รวมถึงความรู้ทางด้านการทดลอง Proto-genetic ด้วย และ Khas ก็ได้ศึกษาความรู้ต่างๆที่ Xel' Naga บรรทึกไว้ ผลที่ได้ก็คือ เขาสามารถนำความสามารทางด้านพลังจิตที่เคยหายไปกลับคืนมาได้ และได้รู้ว่าการที่ความสามารถทางด้านพลังจิตหายไปนั้นแท้จริงแล้วเกิดจากการที่พวก Protoss มีความระแวง หวาดกลัวในสิ่งต่างๆมากๆ นั้นทำให้พวกเขาให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวเพื่อรบราฆ่าฟันกันเองมากเกินไป จนทำให้ลืมวิธีในการปรับตัวเพื่อให้สามารถใช้พลังจิตได้ (เป็นเอามากๆพวกนี้)
Khas ได้คิดค้นทฤษฏี Khala ขึ้น ซึ่ง Khala นี้เป็นแนวทางสู่ความเจริญ ทฤษฏี Khala สอนให้พวก Protoss รู้จักการนำความสามารถทางพลังจิตกลับมา และสอนให้พวก Protoss ลดความมีอคติ และลดการต่อสู่ลง
Khas ได้นำ Khala ไปถ่ายทอดให้พวก Protoss ทำให้พวก Protoss เริ่มยอมวางอาวุธ และมาปฏิบัตตามทฤษฏี Khala เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทีละน้อยทีละน้อย จนหมดดาว Aiur และความสงบสุขก็ได้กลับมาเยือนดาว Aiur อีกครั้ง พวก Protoss ได้สำนึกผิดในการกระทำของตนเอง ที่ได้ทำสงครามฆ่าล้างกันจนแทบสิ้นเผ่าพันธุ์ และพวกเขาก็ได้รวมมือกันเพื่อสร้างอนาคตใหม่ เพื่อนำความเจริญรุ่งเรื่องกลับมาสู่เผ่าพันธุ์ของตนเองอีกครั้ง
ผมคิดว่าต่อไปนี้เราคงเรียก Khala ว่า "ทฤษฏี" ไม่ได้เสียแล้วนะครับ เพราะ Khala เข้าไปมีบทบาทในชีวิตความเป็นอยู่ของ Protoss อย่างมาก Khala จึงเป็นได้ทั้งกฎหมาย และศาสนาที่พวก Protoss นับถือครับ ผมขออณุณาติแฟนๆ Starcraft เรียกว่า ศาสนา Khala และ กฏหมาย Khala ก็แล้วกันน่ะครับ
ศาสนา Khala ที่พวก Protoss นับถือกันนั้นมีการแบ่งวรรณะออกเป็น 3 วรรณะครับ
1. วรรณะ Judicator คือ พวกชนชั้นปกครองครับ พวก Judicator ได้รวมกลุ่มกันเป็นคณะปกครองมีชื่อว่า Conclave เพื่อทำหน้าที่ปกครองชาว Protoss ให้อยู่อย่างสงบสุขภายใต้กฎหมาย Khala
2. วรรณะ Templar คือ พวกที่เป็นทั้ง นักบวช นักรบ และนักป้องกัน ที่ปฏิบัติตนตามคำสอนของศนา Khala อย่างเคร่งครัด เพื่อความสำเร็จขั้นสูงสุดของพลัง Psionic
3. วรรณะ Khalai คือ พวกที่ประกอบด้วยกลุ่มสังคม Protoss หลายอาชืพ เช่น นักอุตสหกรรม นักวิทยาศาสตร์ และคนงาน
ทั้ง 3 วรรณะได้ช่วยพัฒนาดาว Aiur ให้มีทั้งความสงบสุข และเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าครั้งบรรพบรุษ ภายในระยะเวลาเพียง 2 - 3 ร้อยปี Protoss สามารถยึดครองดวงดาวในขอบกาแล็กซี่ของพวกเขาได้เป็นจำนวนหลายร้อยดวง และได้เผยแพร่ คำสอนของศาสนา Khala ด้วย และยังมีดวงดาวอีกหลายๆดวงที่พวกเขาสามารถที่จะยึดครองได้แต่พวกเลือกที่จะเป็นผู้เฝ้ามองดูอยู่เฉย และยังสร้างยาน Dae' Unl เพื่อทำการสังเกตุการณ์ ระวังป้องกันให้ดวงดาวเหล่านั้นด้วยโดยที่เผ่าพันธุ์เจ้าของดาวเองก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองถูกจ้องมองจากพวก Protoss อยู่ เช่น พวก Terran เป็นต้น โดยสำหรับ พวก Terran นี้พวก Protoss ลงความเห็นกันว่าเป็นเผ่าพันธุ์ใช้ทรัพยากรได้เปลืองที่สุด เท่าที่พวกเขาเคยพบมาเลยทีเดียว แบบประมาณว่ามีทรัพยกรเท่าไร ไอ้มนุษย์พวกนี้ก็สามารถพลาญใช้ได้จนหมด
Dark Templar
ในความเป็นจริงภายใต้กฎหมาย และศาสนาแห่ง Khala ที่แสนมีระเบียบเรียบร้อย คณะปกครอง Conclave ที่นำโดยพวกวรรณะ Judicator แห่ง Aiur ได้ปิดบังความลับต่อประชาชนของพวกเขา นั้นก็กลุ่มผู้ต่อต้านศาสนา Khala โดยกลุ่มนี้มีชื่อว่า Rogues พวก Rogues มีความเชื่อว่า Khala จะนำผลเสียมาสู่เผ่าพันธุ์ Protoss ในภายหลัง พวก Judicator จึงสั่งการอย่างเป็นความลับให้ยอดนักรบนามว่า Adun ไปจัดการกับพวก Rogues แต่ยอดนักรบ Adun ผู้นี้มิได้มีความคิดที่จะฆ่าพวกเดียวกันเอง เขาพยายามโน้มน้าวจิตใจของพวก Rogues ด้วยการถ่ายทอดการใช้พลัง Psionic ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Khala เพื่อหวังว่าพวก Rogues จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของ Khala และเปลี่ยนความคิดมาเป็นพวกเดียวกัน แต่ผลที่ได้ก็คือ พวก Rogues ก็ยังคงปฏิเสธ Khala อยู่เหมือนเดิม Adun จึงตัดสินใจที่จะซ่อนพวก Rogues ให้พ้นจากสายตาของ Conclave แทน เมื่อเวลาผ่านไปเรื่องที่ Adun ไม่ได้ทำการกำจัดพวก Rogues แถมยังให้ที่หลบซ่อนก็แดงออกมา ทำให้ Conclave โกรธมากแต่จะลงโทษ Adun ก็ไม่ได้เพราะ Adun นักรบที่มีชื่อเสียง หากทาง Conclave ลงโทษ Adun ไป ประชาชนชาว Protoss จะต้องสงสัยว่า Adun ทำผิดอะไรจึงโดนลงโทษ และเรื่องราวของพวก Rogues จะต้องรู้ไปถึงหูประชาชนชาว Protoss และอาจจะมีคนเห็นด้วยกับแนวทางความคิดของพวก Rogues ทาง Conclave จึงไม่ได้มีการลงโทษ Adun และมีคำสั่งลับให้กำจัดพวก Rogues ออกไป โดยนำพวก Rogues ไปขึ้นยานโบราณของ Xel' Naga แล้วทำการเนรเทศพวก Rogues ออกไปจาก Aiur ในเวลาต่อมาพวก Rogue เป็นที่รู้จัก และกล่าวถึงจากบุคคลทั่วไปในนามของ Dark Templar แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกชนชั้น Judicator และพวก Dark Templar (พวก Rogues) จะมีความคิดที่แตกต่างกัน แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนนั้นก็คือ การปกป้อง Aiur ดาวบ้านเกิดของพวกเขา หากมีศัตรูจากภายนอกเข้ามาเพื่อจะทำร้าย Aiur ไม่ว่าพวมันจะเป็นใครมาจากไหน ชาว Protoss ทุกคนยินดีที่จะยุติความขัดแย่งทางด้านความคิด และจะช่วยกันปกป้องดาวบ้านเกิดของตนจนถึงที่สุด
ผมขอจบเรื่องราวของเผ่า Protoss แต่เพียงลงเท่านี้ครับ
ประวัติความเป็นมาของ Zerg
หลังจากที่พวก Xel' Naga ได้ผิดวังกับ Protoss แล้วพวก Xel' Naga ได้เดินทางไปยังดาว Zerus พวก Xel' Naga มุ่งที่จะแก้ไขความล้มเหลวของตนเองที่ทำไว้ โดยการสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ พวกเขาได้สร้างเผ่าพันธุ์แมลงที่มีชื่อว่า Zerg พวก Zerg มันสามารถทนอยู่บนสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งกันดาน และร้อนระอุบนดาว Zerus ได้
ในเวลาต่อมาพวก Zerg ได้เข้าไปฝังตัวอยู่ในเผ่าพันธุ์พื้นเมืองที่อยู่บนดาว Zerus เมื่อพวก Zerg เข้าไปอาศัยอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่นแล้ว มันสามารถควบคุมร่างกายของเผ่าพันธุ์ที่พวกมันเขาไปอยู่ได้ และพวกมันยังสามารถวิวัฒนาการร่างกายเหล่านั้นได้ด้วยเช่น วิวัฒนาการสร้างเกราะจากกระดูกสันหลัง แขนขาที่คมเหมือนใบมีดโกน และกระดองที่แข่งแกร่ง พวก Zerg จะทำการคัดเลือกเผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการสูงที่สุดก่อนที่พวกมันจะเข้าไปอยู่ เพราะพวกมันต้องการความแน่ใจว่าพวกมันจะอยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร ส่วนเผ่าพันธุ์มีวิวัฒนาการต่ำกว่า พวก Zerg ก็ทำการกำจัดทิ้ง หรือกินเป็นอาหาร
Xel' Naga ผู้เฝ้ามองพวก Zerg จากบนยาน World Ship ที่ลอยอยู่ในอาวกาศ จำได้ดีถึงความล้มเหลวที่เขาที่เคยลงไปให้ความรู้กับพวก Protoss ในเวลาที่พวก Protoss ยังไม่พร้อม และเป็นเหตุที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างพวก Protoss ขึ้น พวกเขาจึงใช้วิธีการใหม่ โดยการสร้างสิ่งที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมจิตใจ และการกระทำต่างๆของพวก Zerg สิ่งเหล่านี้ประกอบด้วย
Overmind คือ ศูนย์กลางในการควบคุมจิตใจ และการกระทำต่างๆของพวก Zerg ทั้งหมดทุกตัว Cerebrate คือ ผู้ที่รับคำสั่งจาก Overmind มาควบคุมพวก Zerg ที่อยู่ในกองทัพที่ Cerebrate แต่ตัวสร้างขึ้นมาเอง (Cerebrate แต่ละตัวจะมีกองกำลัง Zerg ในสังกัดของตนเอง) และนอกจากนี้ Cerebrate ยังสามารถที่จะมีอิสระในการควบคุม Zerg ที่อยู่ในสังกัดของตนเองได้ แต่ต้องไม่มีการขัดแย้งกับคำสังของ Overmind (Overmind ควบคุม Zerg ได้ทั้งหมดทุกตัว) Overlords จะทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งจาก Cerebrate ไปยังพวก Zerg กลุ่มย่อยอีกที โดยที่ Overlords ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของ Cerebrateได้ การสั่งการผ่านกระแสจิตจากศูนย์กลางเช่นนี้ทำให้กองทัพของ Zerg มีความพร้อมเพรียงกัน และมีประสิทธิภาพอย่างหน้ากลัวยิ่งนัก
Overmind มีความคิดว่าอีกไม่นานตนเองก็จะสามารถเขายึดร่างของเผ่าพันธุ์ต่างๆที่อยู่ดาว Zerus ได้หมด Overmind ต้องการที่จะขยายเฝ่าพันธุ์ของตนออกไปนอกดาวดวงแห่งนี้ ในเวลานั้นบนอวกาศได้มีเผ่าพันธุ์หนึ่งที่มีขนาดตัวใหญ่มาก และเผ่าพันธุ์นี้มีความสามารถใช้ร่างของตนเป็นยานอวกาศเดินทางไปมาในอวกาศได้ Overmind จึงได้ใช้แผนลวงแกล้งส่งสัญญาณเรียกเฝ่าพันธุ์นี้เขามาในดาว Zerus และออกคำสั่งให้พวก Zerg เข้ายึดร่างของเผ่าพันธุ์นี้ หลังจากนั้น Overmind ได้นำข้อมูลทางพันธุกรรมที่ได้มาปรับปรุงเผ่าพันธุ์ของตนให้สามารถเดินทางในอวกาศ และสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในที่ที่เป็นสูญกาศได้
ในเวลาต่อมากระแสจิตของ Overmind ได้รับรู้ถึงว่ามีพวก Xel' Naga เฝ้ามองตนเองอยู่ในอวกาศ Overmind ได้ออกคำสั่งให้พวก Zerg โจมตี Xel' Naga อย่างสายฟ้าแลบ และ Overmind ได้ใช้พลังจิตอันมหาศาลของมันตัดการสื่อสารทางกระแสจิตของ Xel' Naga ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก จนพวก Xel' Naga ไม่มีโอกาศที่จะตอบโต้ ตั้งรับ หรือ แม้แต่กระทั้งจะคิดหนี ภายใน 2 - 3 ชั่วโมงพวก Zerg ได้ฉีกเกราะอันแข่งแกร่งของยาน World Ship ออกเป็นชิ้นๆ และบุกเข้ามาฆ่าล้างพวก Xel' Naga อย่างไร้ซึ่งความปราณี Xel' Naga บางตัวที่ถูกพวก Zerg ยึดร่างก็โดน Overmind อ่านใจ เมื่อ Overmind ได้เข้าไปในความทรงจำของ Xel' Naga มันได้รับรู้เรื่องราว และองค์ความรู้ต่างๆที่พวก Xel' Naga มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Khaydarin Crystal, Proto-genetic, เรื่องราวของดวงดาวนับพันที่ Xel' Naga เคยปกครอง, เผ่าพันธุ์นับพันที่ Xel' Naga เคยสร้างขึ้น และ เรื่องราวเกี่ยวกับ Protoss
Overmind คิดไปไกลว่าพวก Protoss ต้องเป็นศัตรูที่หน้ากลัวของ Zerg แน่ๆ และสงครามระหว่าง Zerg และ Protoss ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี Overmind จึงนำพาพวก Zerg เดินทางไปกำจัดพวก Protoss ที่ Aiur ระหว่างการเดินพวก Zerg ได้แวะยึดร่างของเผ่าพันธุ์ที่อยู่ตามดวงดาวต่างๆที่อยู่ในเส้นทางการเดินทางของพวกมัน ดาวดวงไหนที่พวกมันผ่านไปดาวดวงนั้นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลืออยู่เลย นี้คือสาเหตุที่ทำให้พวก Zerg มีกองกำลังมากขึ้นมากขึ้น และแข็งแกล่งมากขึ้นในระหว่างการเดินทาง
ใช้เวลาในการเดินไป 60 ปีในที่สุด Overmind ก็มาถึงบริเวณกลุ่มดาวที่เป็นอาณาจักรของพวก Terran ซึ่งอยู่ภายใต้กาแล็กซี่ที่พวก Protoss ครอบครอง และเฝ้ามองอีกทีหนึ่ง เนื่องจาก Overmind ยังไม่รู้ที่ตั้งที่แน่ชัดของ Aiur ทาง Overmind จึงใช้แผนล่อ Protoss ออกจากถ้ำ โดยส่งกองกำลัง Zerg บุกดาวของพวก Terran อันได้แก่ดาว Chau Sara, Mar Sara, Brontes และ Dylar IV แผนนี้ได้ผลอย่างดียิ่ง กองกำลัง Zerg เข้าประทะกับ Terran จนเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก และเนื่องจากดาวเหล่านี้อยู่ภายใต้การเฝ้ามองของ Protoss พวก Protoss จึงส่งกำลังรบออกมาต่อสู่ขัดขวางการโจมตีของพวก Zerg และ ณ บัดนี้สงคราม 3 เผ่าพันธุ์ หรือ StarCraft ได้ระเบิดขึ้นแล้ว
หลังอ่านจบแล้ว ก็คิดได้ว่ามันน่าเอาเนื้อเรื่องนี้มาทำเป็นหนังจริงๆ จะต้องสนุกกว่าAvatarแน่ๆ ยิ่งหากเอาเนื้อเรื่องจาก Starcraft , Starcraft Bloodwar , Starcraft2 อีก3ภาคมาด้วยนะ รับรองว่าทำเป็น5-6ภาคได้เลย แข่งกับ Star Wars ได้สบาย
Friday, January 18, 2013
Subscribe to:
Posts (Atom)